
โรคผิวหนังผู้สูงอายุที่พบบ่อย และวิธีป้องกันโรคผิวหนังในวัยสูงอายุ
เมื่อก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ ร่างกายของเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะผิวหนังซึ่งผิวผู้สูงอายุจะมีความบางลง ผลิตไขมันน้อยลง และมีความไวต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ง่าย โรคผิวหนังผู้สูงอายุที่พบบ่อยมีหลายชนิดมีความเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมที่มีเชื้อโรค มลภาวะ และสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งนำไปสู่โรคภูมิแพ้ สาเหตุมาจากการกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคือง หรือติดเชื้อผิวหนังได้ง่าย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคผิวหนังผู้สูงอายุที่พบบ่อย พร้อมแนะนำวิธีการป้องกันเพื่อให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพผิวที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของผิวผู้สูงอายุ
เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ผิวหนังของเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและปัจจัยภายนอก การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นกระบวนการธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถเข้าใจและปรับตัวเพื่อดูแลผิวได้อย่างเหมาะสม
ผิวผู้สูงอายุจะมีลักษณะบางลง แห้ง และขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานลดลง ทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และเกิดอาการคันได้ง่าย ชั้นไขมันใต้ผิวหนังบางลง ทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิได้ยากขึ้น และผิวบอบบางเสี่ยงต่อการเกิดแผลได้ง่าย
โครงสร้างของเส้นเลือดฝอยเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังได้น้อยลง ส่งผลให้แผลหายช้าและเกิดจ้ำเลือดได้ง่าย เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ นอกจากนี้ ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงทำให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางผิวหนังสูงขึ้น
สภาพแวดล้อมที่มีมลพิษและเชื้อโรคในอากาศยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคผิวหนังผู้สูงอายุที่พบบ่อยได้ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่มีผู้ป่วยหลากหลายโรค เชื้อโรคในอากาศอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการหายใจหรือสัมผัสผิวหนังโดยตรง ด้วยภูมิคุ้มกันที่ถดถอยลงตามวัย ผู้สูงอายุจึงตกเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดโรคผิวหนังได้มากกว่าคนในวัยอื่น

8 โรคผิวหนังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
โรคผิวหนังผู้สูงอายุมีหลากหลายรูปแบบ บางชนิดเป็นความเสื่อมตามวัย บางชนิดเกิดจากการติดเชื้อ และบางชนิดเกิดจากโรคระบบอื่นๆ ของร่างกาย การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและรักษาได้อย่างเหมาะสม ต่อไปนี้คือโรคผิวหนังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
1. ผิวหนังเหี่ยวย่น (Sagging skin)
ผิวหนังเหี่ยวย่นเป็นกระบวนการเสื่อมตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น เกิดจากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ เกิดรอยเหี่ยวย่นโดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสแสงแดดบ่อยๆ การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดด ใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อชะลอการเกิดริ้วรอยและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว

2. อาการคันจากผิวแห้ง (Xeroderma)
ผิวแห้งเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากต่อมไขมันทำงานลดลง ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ มักมาพร้อมอาการคัน พบบริเวณขา แขน และลำตัว หากไม่ได้รับการดูแล อาจเกาจนเกิดแผลและติดเชื้อได้ ในกรณีที่รุนแรง อาจกลายเป็นผิวหนังอักเสบเรื้อรัง การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงการอาบน้ำนานๆ ด้วยน้ำร้อน ใช้สบู่อ่อนๆ ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงหลังอาบน้ำทันที ดื่มน้ำให้เพียงพอ และใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศเมื่ออยู่ในห้องที่แห้ง
3. ผื่นคันจากการแพ้ (Atopic dermatitis)
ผื่นคันจากการแพ้เป็นภาวะที่ผิวหนังเกิดการอักเสบเรื้อรัง เป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือมีคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ ลักษณะเป็นผื่นแดง มีตุ่มน้ำเล็กๆ คัน อาจมีน้ำเหลืองซึม พบที่ข้อพับ ข้อศอก หลังเข่า คอ และใบหน้า สาเหตุเกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ อากาศแห้ง ความเครียด หรือสารเคมีระคายเคือง การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ ดูแลให้ผิวชุ่มชื้น และอาจต้องรับการรักษาด้วยยาตามความเหมาะสม
4. ผิวหนังเปลี่ยนสี จุดด่างดำในผู้สูงอายุ (Senile lentigo หรือ Age spots)
จุดด่างดำในผู้สูงอายุมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลหรือสีดำ ขนาดเล็กถึงกลาง พบบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อยๆ เช่น ใบหน้า หลังมือ แขน และลำคอ เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีผิวทำงานผิดปกติหลังได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน โดยทั่วไปไม่อันตราย แต่ควรสังเกตลักษณะที่ผิดปกติ เช่น ขอบไม่เรียบ สีไม่สม่ำเสมอ หรือขนาดเปลี่ยนแปลงเร็ว การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงแสงแดด ทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไป และสวมหมวกหรือเสื้อผ้าป้องกันแสงแดด
5. สิวในผู้สูงอายุ (Senile comedone)
สิวในผู้สูงอายุมีลักษณะเป็นจุดดำเล็กๆ หรือตุ่มนูนสีขาวกระจายบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้มและขมับ เกิดจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่หลุดลอกตามปกติ ร่วมกับการทำงานของต่อมไขมันที่ลดลง และการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน มักไม่อักเสบหรือเจ็บ แต่อาจทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน การดูแลทำได้โดยทำความสะอาดใบหน้าด้วยคลีนเซอร์อ่อนๆ ใช้เครื่องสำอางที่ไม่อุดตันรูขุมขน ทาครีมกันแดด และอาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ retinoids หรือ AHAs ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
6. กระเนื้อ (Seborrhoeic keratoses)
กระเนื้อเป็นก้อนเนื้องอกชนิดไม่อันตรายเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อนูนสีน้ำตาลหรือดำ ผิวหยาบคล้ายกระดุม ขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงหลายเซนติเมตร พบที่ใบหน้า คอ ลำตัว หลัง และแขน มักเพิ่มจำนวนตามอายุ เกิดจากพันธุกรรมและการสัมผัสแสงแดด โดยทั่วไปไม่อันตรายและไม่จำเป็นต้องรักษา เว้นแต่รบกวนความสบายหรือมีผลต่อความมั่นใจ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจวินิจฉัยแยกจากมะเร็งผิวหนัง และพิจารณาการรักษาตามความเหมาะสม
7. แผลและการติดเชื้อ (Infected wound)
ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลและติดเชื้อมากกว่าคนวัยอื่น เนื่องจากผิวหนังบางลง ภูมิคุ้มกันลดลง และการไหลเวียนเลือดไม่ดี ปัญหาที่พบบ่อย เช่น แผลกดทับในผู้ที่นอนติดเตียง การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เซลลูไลติส และการติดเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน การป้องกันทำได้โดยดูแลผิวให้ชุ่มชื้น ระวังไม่ให้เกิดแผล ตรวจสอบผิวสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้านุ่มสบาย รักษาความสะอาดของผิวและแผล และรักษาสภาพแวดล้อมให้ปราศจากเชื้อโรค โดยใช้เครื่องกำจัดเชื้อโรคในอากาศที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย
8. มะเร็งผิวหนัง (Malignant melanoma)
มะเร็งผิวหนังพบบ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากการสัมผัสรังสี UV จากแสงแดดเป็นเวลานาน และภูมิคุ้มกันที่ลดลง ชนิดที่พบบ่อย ได้แก่ มะเร็งเบซัลเซลล์ มะเร็งสความัสเซลล์ และมะเร็งเมลาโนมา (อันตรายที่สุด) สัญญาณเตือน ได้แก่ ก้อนที่โตขึ้นเรื่อยๆ แผลไม่หายใน 3 สัปดาห์ ไฝที่เปลี่ยนแปลง ผิวแดงหรือคันโดยไม่มีสาเหตุ และก้อนที่มีเลือดออกง่าย การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงแสงแดด โดยเฉพาะช่วง 10.00-16.00 น. ทาครีมกันแดด SPF 30+ ซ้ำทุก 2 ชั่วโมง สวมเสื้อผ้าปกปิด ตรวจสอบผิวด้วยตนเองทุกเดือน และพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจคัดกรองประจำปี

วิธีดูแลผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ
การดูแลผิวผู้สูงอายุไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี นอกจากการดูแลสุขภาพผิวด้วยการทำความสะอาดและบำรุงแล้ว การดูแลสภาพแวดล้อมให้ปลอดเชื้อก็มีความสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันลดลง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรคผิวหนังที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ควรดูแลสภาพแวดล้อมให้สะอาด โดยเฉพาะคุณภาพอากาศภายในบ้านหรือห้องพัก เพราะอากาศที่มีเชื้อโรค ฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้ อาจกระตุ้นให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ แต่ก็ควรระมัดระวังในการเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศประเภทต่างๆ เช่น การใช้เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศที่ผลิตโอโซนไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศโอโซนอันตรายจากความเข้มข้นสูงทำให้เกิดอาการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ ทำให้แสบจมูก ไอ หายใจลำบาก ดังนั้นควรศึกษาอันตรายของเครื่องฟอกอากาศโดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น
โรคผิวหนังผู้สูงอายุที่พบบ่อย – การป้องกันด้วย Wellis Air
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการกำจัดเชื้อโรคและสารพิษในอากาศได้พัฒนาไปอย่างมาก หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมในการป้องกันโรคผิวหนังในผู้สูงอายุคือ เครื่อง Wellis Air ซึ่งใช้เทคโนโลยีประจุไฮดรอกซิล (Hydroxyl Radicals) ในการกำจัดเชื้อโรคทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ
Wellis Air ทำงานโดยการปล่อยประจุไฮดรอกซิล (OH-) ซึ่งเป็นอนุมูลอิสระที่มีความสามารถในการทำลายเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ประจุไฮดรอกซิลเหล่านี้จะแพร่กระจายไปทั่วห้อง ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้อง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Wellis Air จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการป้องกันโรคผิวหนังสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ผิวหนัง ติดเชื้อง่าย หรือต้องพักฟื้นหลังการเจ็บป่วย ซึ่งจำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปราศจากเชื้อโรค เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
ติดต่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้
Line OA: @wellisthailand
Facebook: Wellis Thailand Official
Messenger: Wellis Thailand Official
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555