
เชื้อโรค คืออะไร? เข้าใจง่าย ครบทุกประเภท อันตราย และวิธีป้องกัน
สภาพแวดล้อมรอบตัวเรานั้นเต็มไปด้วยจุลินทรีย์มากมายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หลายชนิดมีประโยชน์ แต่บางชนิดก็เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และพืช เชื้อโรค เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่มนุษยชาติเผชิญมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการระบาดของโรคต่างๆ ที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก นอกจากนี้ เชื้อโรคบางชนิดยังเป็นสาเหตุหลักของภูมิแพ้ ที่ทำให้เกิดอาการจาม น้ำมูกไหล คัดจมูก และระคายเคืองตาในผู้ที่มีภาวะภูมิแพ้ บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อโรคอย่างละเอียด ทั้งประเภท วิธีการแพร่กระจาย อันตราย ตลอดจนวิธีป้องกันที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
เชื้อโรค คืออะไร?
เชื้อโรค คือ จุลินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สามารถก่อให้เกิดโรคในร่างกายของมนุษย์ สัตว์ และพืช เมื่อเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิต เชื้อโรคจะเพิ่มจำนวนและรบกวนการทำงานตามปกติของเซลล์ ทำให้เกิดอาการป่วยต่างๆ ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เชื้อโรคเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตมากกว่า 17 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มีระบบสาธารณสุขยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ
แบคทีเรีย (Bacteria)
แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีโครงสร้างเซลล์แบบโพรคาริโอต (ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส) สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วด้วยการแบ่งตัว แบคทีเรียมีหลายรูปร่าง เช่น กลม (cocci), แท่ง (bacilli) และเกลียว (spirilli) ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สหรัฐอเมริกา แบคทีเรียก่อโรคสำคัญ ได้แก่
- Streptococcus pneumoniae: สาเหตุของโรคปอดบวม
- Escherichia coli (E. coli): สาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษและติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- Mycobacterium tuberculosis: สาเหตุของวัณโรค
- Staphylococcus aureus: สาเหตุของการติดเชื้อที่ผิวหนังและอาหารเป็นพิษ
แบคทีเรียบางชนิดยังสามารถสร้างสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และบางชนิดพัฒนาความสามารถในการต้านทานยาปฏิชีวนะ ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากขึ้น
ไวรัส (Virus)
ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กกว่าแบคทีเรียหลายเท่า มีเพียงสารพันธุกรรม (DNA หรือ RNA) และโปรตีนห่อหุ้ม ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องอาศัยเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นแหล่งผลิตไวรัสตัวใหม่ ตามรายงานจากองค์การอนามัยโลก ไวรัสก่อโรคที่สำคัญ เช่น:
- SARS-CoV-2: สาเหตุของโรคโควิด-19
- Influenza virus: สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่
- HIV: สาเหตุของโรคเอดส์
- Hepatitis viruses: สาเหตุของโรคตับอักเสบ
- Dengue virus: สาเหตุของโรคไข้เลือดออก
ยาปฏิชีวนะไม่สามารถกำจัดไวรัสได้ การรักษาส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่การบรรเทาอาการและให้ร่างกายกำจัดไวรัสเอง เนื่องจากโรคไวรัสส่วนใหญ่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษาจำเพาะ ทำให้การป้องกันการติดเชื้อเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในบางโรคมียาต้านไวรัสเฉพาะที่ใช้ในการรักษา แต่ประสิทธิภาพยังมีข้อจำกัด
รา (Fungi)
ราเป็นสิ่งมีชีวิตยูคาริโอต (มีนิวเคลียสที่มีเยื่อหุ้ม) ที่สร้างสปอร์เพื่อการแพร่พันธุ์ ราบางชนิดสามารถก่อโรคในมนุษย์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) สหรัฐอเมริกา รายงานราก่อโรคที่พบบ่อย เช่น:
- Candida albicans: สาเหตุของเชื้อราในช่องปากและช่องคลอด
- Aspergillus: สาเหตุของโรคปอดอักเสบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- Dermatophytes: สาเหตุของโรคกลาก เกลื้อน และน้ำกัดเท้า
การรักษาโรคติดเชื้อราใช้ยาต้านเชื้อราที่มีความเฉพาะเจาะจงกับชนิดของเชื้อรา

เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร?
เชื้อโรคมีวิธีการแพร่กระจายและเข้าสู่ร่างกายหลายช่องทาง ความเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การหายใจ (ทางเดินหายใจ)
เชื้อโรคหลายชนิดแพร่กระจายผ่านละอองฝอยในอากาศที่เกิดจากการไอ จาม หรือพูดคุย ละอองฝอยเหล่านี้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานหลายชั่วโมง ทำให้มีโอกาสสูงที่จะถูกสูดเข้าสู่ทางเดินหายใจของผู้อื่น โรคที่แพร่กระจายทางอากาศ เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค และหัด
การสัมผัสหรือบาดแผล
การสัมผัสโดยตรงกับเชื้อโรคผ่านผิวหนังที่มีบาดแผลหรือรอยถลอก หรือการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วนำมือมาสัมผัสกับตา จมูก หรือปาก สามารถนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ ตามรายงานจากสมาคมแพทย์อเมริกัน โรคที่แพร่กระจายผ่านการสัมผัส เช่น โรคผิวหนังติดเชื้อ บาดทะยัก และเริม
การกินอาหารหรือดื่มน้ำปนเปื้อน
อาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคสามารถนำเชื้อเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารได้ องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประมาณการว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคอาหารเป็นพิษกว่า 600 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี โรคที่แพร่กระจายผ่านอาหารและน้ำ เช่น อหิวาตกโรค อาหารเป็นพิษ บิด และไทฟอยด์
การมีเพศสัมพันธ์
เชื้อโรคบางชนิดแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก มีผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใหม่กว่า 376 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส หนองใน และเริมที่อวัยวะเพศ
แมลงพาหะนำโรค
แมลงพาหะนำโรค เช่น ยุง เห็บ หมัด และแมลงวัน สามารถนำเชื้อโรคจากสิ่งมีชีวิตที่ติดเชื้อหนึ่งไปสู่อีกสิ่งมีชีวิตหนึ่งได้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งทวีปยุโรปรายงานว่าโรคที่แพร่กระจายผ่านแมลงพาหะ เช่น มาลาเรีย ไข้เลือดออก ไข้เหลือง และไข้ซิกา
อันตรายจากเชื้อโรคที่ควรรู้
เชื้อโรคสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพในหลายระดับ ตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอันตรายถึงชีวิต
โรคติดเชื้อเฉียบพลัน
โรคติดเชื้อเฉียบพลันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอาการชัดเจน เช่น ไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย ตามข้อมูลจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา โรคติดเชื้อเฉียบพลันที่พบบ่อย เช่น
- โรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน: เช่น โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม
- โรคทางเดินอาหารเฉียบพลัน: เช่น อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค
- โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง: เช่น แผลติดเชื้อ ฝี หนอง
โรคเหล่านี้อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม เช่น ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตสูง
โรคเรื้อรังจากเชื้อโรค
เชื้อโรคบางชนิดสามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อเรื้อรังที่ยากต่อการรักษาให้หายขาด ตามรายงานจากสมาคมโรคเรื้อรังแห่งเอเชีย โรคติดเชื้อเรื้อรังที่สำคัญ เช่น:
- วัณโรคเรื้อรัง: เชื้อวัณโรคสามารถอยู่ในร่างกายในสภาวะพักตัวเป็นเวลานาน
- เอชไอวี/เอดส์: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่มียาต้านไวรัสที่ช่วยควบคุมปริมาณเชื้อ
- ตับอักเสบเรื้อรัง: โดยเฉพาะตับอักเสบบีและซี สามารถนำไปสู่ภาวะตับแข็งและมะเร็งตับ
โรคเรื้อรังเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงในอนาคต
วิธีป้องกันเชื้อโรคอย่างถูกวิธี
วิธีป้องกันพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ได้แก่ การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะหลังใช้ห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากไอหรือจาม การสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่แออัดหรือเมื่อมีอาการป่วย การรับวัคซีนตามกำหนดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
การรักษาความสะอาดภายในบ้านเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการป้องกันเชื้อโรค ตามรายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค พื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์ รีโมท คีย์บอร์ด แม้แต่เสื้อผ้าก็ตามเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคจำนวนมาก การทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวเหล่านี้เป็นประจำจึงมีความจำเป็น การใช้เทคโนโลยีฆ่าเชื้อโรคสมัยใหม่ อย่างเครื่อง Wellis Air ที่ใช้ประจุ Hydroxyl ในการทำลายเชื้อโรคในอากาศและบนพื้นผิวสัมผัสต่างๆ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ก่อโรคทางเดินหายใจ เช่น COVID-19, RSV, Rotavirus, SARS, MERS, ไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธ์, เชื้อที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปากเปื่อย และเชื้อโรคอื่นๆ เครื่องฆ่าเชื้อโรคเหล่านี้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง คลายข้อสงสัยว่าควร “ฟอกอากาศเปิดตอนไหนดี” ช่วยทำให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัวตลอดเวลา
สรุปบทความ
เชื้อโรค คือภัยเงียบที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภท วิธีการแพร่กระจาย และอันตรายของเชื้อโรค จะช่วยให้เราสามารถป้องกันตนเองและคนรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีป้องกันที่สำคัญ ได้แก่ การรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล การล้างมือที่ถูกวิธี การรับวัคซีน การปรุงอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ และการใช้เทคโนโลยีในการฆ่าเชื้อโรคในสิ่งแวดล้อม เช่น เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศที่มีระบบฆ่าเชื้อ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโรคในพื้นที่ปิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อโรคได้ทั้งหมดในชีวิตประจำวัน แต่การมีความรู้และนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่กระจายของโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ติดต่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้
Line OA: @wellisthailand
Facebook: Wellis Thailand Official
Messenger: Wellis Thailand Official
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555