10-วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรค

เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคเลือกอย่างไรดี?

การแพร่กระจายของฝุ่น มลภาวะ และสิ่งสกปรกต่างๆ นำมาซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคเป็นความท้าทายสำคัญในวงการแพทย์และการดูแลสุขภาพ การมีอากาศที่สะอาดปราศจากเชื้อโรคกลายเป็นความจำเป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในโรงพยาบาล คลินิก บ้านพักคนชรา ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก และสถานที่มีคนอยู่ในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเทมากกว่า 2 คนขึ้นไป ดังนั้นการเลือกตัวช่วยที่ทำให้อากาศปราศจากเชื้อโรค หรือไวรัสต่างๆ อย่างเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรค (VirusAirPurifier) จึงเป็นทางเลือกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 

10 วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้ Wellis Thailand Official  จะมาแนะนำ 10 วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรค หรือเครื่องฟอกฆ่าไวรัส (VirusAirPurifier)โดยเน้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ และครอบครัวที่มีสมาชิกที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ

1. เทคโนโลยีเครื่องฟอกฆ่าไวรัส หัวใจสำคัญของเครื่องฟอกอากาศ

ในเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัส หรือการเลือกเครื่องฟอกอากาศประโยชน์หลัก คือไว้สำหรับใช้ในสถานพยาบาลหรือพื้นที่ที่ต้องการความสะอาดระดับสูง เทคโนโลยีเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด การเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสที่มีระบบประจุ Hydroxyl ที่ปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง     สามารถกำจัดเชื้อโรค ได้ทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากสำหรับห้องผู้ป่วย ห้องผ่าตัด หรือห้องพักฟื้น การทำงานแบบ Active Destroyer ช่วยให้สามารถกำจัดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น COVID-19, SARS, MERS, RSV, Rotavirus, Influenza สายพันธุ์ต่างๆ หรือเชื้อโรคอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสที่มีมาตรฐานการสลายอนุภาคขนาดจิ๋ว

2. เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสที่มีมาตรฐานการสลายอนุภาคขนาดจิ๋ว

เมื่อพูดถึงการปกป้องผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์จากเชื้อโรค ความสามารถในการทำลายสิ่งแปลกปลอมอันตราย ทำลายอนุภาคขนาดเล็กของเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสระดับการแพทย์ต้องสามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้อย่างมี    ประสิทธิภาพ ซึ่งครอบคลุมเชื้อไวรัสที่มีขนาดเล็กมาก เช่น COVID-19 ที่มีขนาดเพียง 0.06-0.14 ไมครอน หรือเครื่องฟอกอากาศฆ่าโควิด ดังนั้นการเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพการสลายสิ่งสกปรกอนุภาคขนาดเล็ก เช่นเชื้อโรคต่างๆ สารเคมี ไอละเหย กลิ่น และควัน จะช่วยสร้างความมั่นใจในการปกป้องผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง 

3. เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล

สำหรับการใช้งานในสถานพยาบาลและการดูแลผู้ที่มีความเสี่ยงสูง การเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับรองจากองค์กรชั้นนำระดับโลก อย่าง US FDA ซึ่งเป็นองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา รับประกันความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน ขณะที่มาตรฐาน CE จากสหภาพยุโรปยืนยันความปลอดภัยในการใช้งานในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปนอกจากนี้ มาตรฐาน RoHS และ FCC ยังรับรองว่าเครื่องปราศจากสารอันตรายและไม่รบกวนอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ

4. เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีขนาดเหมาะสม

การเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีขนาดเครื่องเหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลที่มีห้องหลากหลายขนาด ตั้งแต่ห้องตรวจขนาดเล็กไปจนถึงห้องพักผู้ป่วยรวม การคำนวณพื้นที่ต้องคำนึงถึงทั้งขนาดห้อง ความสูงของเพดาน และอัตราการหมุนเวียนอากาศ เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสควรจะสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้ตั้งแต่ 50-100 ตารางเมตร

5. เครื่องฟอกอากาศฆ่าไวรัสที่มีระบบอัตโนมัติ

ในสภาพแวดล้อมชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ ระบบการทำงานอัตโนมัติที่ใช้งานง่ายเป็นสิ่งจำเป็น เครื่องฟอกอากาศฆ่าไวรัสที่ดีควรมีระบบควบคุมอัจฉริยะที่ทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอแสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ที่อ่านค่าได้ชัดเจน ระบบแจ้งเตือนการบำรุงรักษาและเปลี่ยนไส้กรองที่แม่นยำจะช่วยให้การดูแลรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่ปลอดภัย

6. เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่ปลอดภัย

ความปลอดภัยในการใช้งานเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีผู้ป่วย เด็กเล็ก และผู้สูงอายุ เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคในระดับการแพทย์ต้องได้รับการรับรองความปลอดภัยสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ไม่ปล่อยสารพิษหรือโอโซนหรือรังสี UVC ที่เป็นอันตราย ระดับเสียงการทำงานต้องเงียบเพื่อไม่รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วย และต้องประหยัดพลังงานเพื่อการใช้งานระยะยาวที่คุ้มค่า

7. การบำรุงรักษาและค่าใช้จ่าย

การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคคุณภาพสูงไม่ใช่เพียงแค่ราคาเครื่อง แต่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในระยะยาวด้วย เครื่องที่ดีควรประหยัดไฟ มีค่าไฟฟ้าเพียงเดือนละประมาณ 15 บาทแม้จะเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ระบบการเปลี่ยนไส้กรองหรือน้ำยาควรมีความถี่ที่เหมาะสม และมีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ การมีระยะเวลารับประกันที่ยาวนานและบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น

8. เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีการรับรองผลการทดสอบ

การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีผลการทดสอบจากห้องแล็บที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผลทดสอบการฆ่าเชื้อ COVID-19 ที่เครื่องฟอกอากาศฆ่าโควิดและเชื้อโรคอื่นๆ ที่เป็นอันตราย ผลการทดสอบเหล่านี้ควรมาจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ซึ่งจะช่วยยืนยันว่าเครื่องสามารถปกป้องครอบครัวของคุณได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่คำกล่าวอ้างทางการตลาดปลอดภัยจากอันตรายของเครื่องฟอกอากาศ สามารถดูผลการทดสอบจากห้อง Lab ได้ที่นี่

9. เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสที่เหมาะสมกับการใช้งาน

สถานที่แต่ละแห่งมีความต้องการที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก โรงพยาบาลที่ต้องการมาตรฐานการฆ่าเชื้อระดับสูง หรือคลินิกที่ต้องดูแลผู้ป่วยหลากหลายประเภท ควรพิจารณาลักษณะการใช้งาน เช่น ต้องการความเงียบเป็นพิเศษสำหรับห้องนอน หรือต้องการประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อที่สูงขึ้นสำหรับห้องตรวจและพื้นที่ส่วนกลางที่มีผู้คนเข้าออกตลอดเวลา การเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัสให้เหมาะกับการใช้งานจะช่วยให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยทางเรามีเทคโนโลยีทำความสะอาดอากาศหลายประเภทสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางเราได้ทันที

10. บริการหลังการขายสร้างความอุ่นใจตลอดอายุการใช้งาน

การเลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพการบริการหลังการขาย ครอบคลุมทั้งการใช้งานในบ้านและสถานพยาบาล เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีการรับประกันสินค้า 2 ปี บริการซ่อมบำรุงถึงที่ (ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล) มีอะไหล่พร้อมเปลี่ยน และมีทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาและการบริการอย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง จะช่วยให้การตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการให้บริการแก่โรงพยาบาลและคลินิกที่ต้องการความรวดเร็วและความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

Wellis Air เครื่องฆ่าเชื้อโรคที่เหนือกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป

เครื่องฟอกอากาศทั่วไปอาจไม่เพียงพอสำหรับการป้องกันเชื้อโรคในยุคปัจจุบัน เพราะเพียงแค่ดักจับเชื้อโรคไว้ในแผ่นกรองแต่ไม่ได้กำจัดเชื้อ ทำให้แผ่นกรองกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค 

Wellis Air ไม่ใช่เครื่องดักจับฝุ่น เราแตกต่างด้วยเทคโนโลยี Active Destroyer ที่ใช้ประจุ Hydroxyl ในการทำลายเชื้อโรคโดยตรง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ไม่เพียงฆ่าเชื้อในอากาศ แต่ยังกำจัดเชื้อบนพื้นผิวต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า บนโต๊ะ ใต้ตู้ หลังเตียง ตามซอกต่างๆและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง ที่สำคัญคือ ปลอดภัยสำหรับมนุษย์และสัตว์เลี้ยง สามารถเปิดใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงแม้มีคนอยู่ในห้อง ซึ่งแตกต่างจากการใช้รังสี UV หรือโอโซนโดยทั่วไปที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้มีข้อต้องระวังในการใช้งานเป็นอย่างสูงคือไม่สามารถเปิดใช้ตอนที่มีคนหรือสัตว์เลี้ยงอยู่ในห้องได้ 

สรุปบทความ

การเลือกเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพนั้นต้องพิจารณาหลายปัจจัย ตั้งแต่เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อ มาตรฐานการรับรอง ไปจนถึงความคุ้มค่าในระยะยาว สิ่งสำคัญคือต้องเลือกเครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวคุณ มีความปลอดภัยสูง และได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้อากาศที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว 

ติดต่อรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้

Line OA: @wellisthailand

Facebook: Wellis Thailand Official 

Messenger: Wellis Thailand Official 

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555

Leave a Reply

LINE

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

081-559-8555

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

Messenger

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

line