
เครื่องฟอกอากาศกินไฟไหม? เปิดเครื่องทั้งวัน ค่าไฟจะพุ่งหรือไม่?
ปัญหามลภาวะและเชื้อโรคในอากาศ มีให้เห็นตลอดทั้งปี ทำให้หลายครัวเรือนตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศเพื่อปกป้องสุขภาพของคนในบ้าน แต่คำถามที่มักตามมาคือ “เครื่องฟอกอากาศกินไฟไหม?” หรือ “เครื่องฟอกอากาศเปลืองไฟไหม?” เพราะหลายคนกังวลว่าการเปิดเครื่องทิ้งไว้ตลอดวันจะทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบและแนะนำทางเลือกที่ประหยัดไฟมากกว่าอย่าง “เครื่องฆ่าเชื้อโรค Wellis Air”
เครื่องฟอกอากาศกินไฟมากแค่ไหน?
โดยทั่วไปแล้ว เครื่องฟอกอากาศจัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องทำน้ำอุ่น แต่หากเปิดใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ค่าไฟก็อาจสะสมเพิ่มขึ้นจนสูงมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการใช้งานหลายเครื่องพร้อมกันในบ้าน
ปริมาณการใช้ไฟของเครื่องฟอกอากาศแต่ละประเภท
เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีอัตราการใช้ไฟแตกต่างกันไป โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 20-100 วัตต์ ขึ้นอยู่กับขนาดและเทคโนโลยีที่ใช้ เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กสำหรับห้องนอนอาจใช้ไฟเพียง 20-40 วัตต์ ในขณะที่เครื่องขนาดใหญ่สำหรับพื้นที่กว้างอาจใช้ไฟถึง 80-100 วัตต์ ซึ่งหากเปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศขนาด 50 วัตต์ เป็นเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน ค่าไฟโดยประมาณจะอยู่ที่ 80-120 บาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ

วิธีคำนวณค่าไฟจากการใช้เครื่องฟอกอากาศ
การคำนวณค่าไฟจากการใช้เครื่องฟอกอากาศทำได้ไม่ยาก
โดยใช้สูตร: กำลังไฟฟ้า (วัตต์) × จำนวนชั่วโมงใช้งาน × อัตราค่าไฟต่อหน่วย ÷ 1,000
อ้างอิงจากอัตราค่าไฟฟ้าล่าสุดในเดือนเมษายน 2025 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย (สำหรับบ้านที่ใช้ไฟไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน) หากเครื่องฟอกอากาศใช้ไฟ 50 วัตต์ เปิดใช้งาน 24 ชั่วโมงต่อวัน การคำนวณค่าไฟจะเป็นดังนี้:
- ค่าไฟต่อวัน = (50 × 24 × 4.72) ÷ 1,000 = 5.66 บาท
- ค่าไฟต่อเดือน = 5.66 × 30 = 169.92 บาท (ประมาณ 170 บาท)
เมื่อเทียบกับเครื่องฆ่าเชื้อโรค Wellis Air ที่ใช้ไฟเพียง 6 วัตต์ (ขณะทำงานปกติ) ตามข้อมูลจากผู้ผลิต ทำให้ใช้ไฟเพียงเดือนละประมาณ 20 บาทเท่านั้น ประหยัดกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไปถึง 91% หรือประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 155 บาทต่อเดือน จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนเลือกใช้ Wellis Air เพื่อประหยัดค่าไฟในระยะยาว
เปรียบเทียบการใช้พลังงานของเครื่องฟอกอากาศกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
แม้ว่าเครื่องฟอกอากาศจะใช้พลังงานน้อยกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามคือการเปิดใช้งานต่อเนื่องในระยะยาว อาทิ เครื่องปรับอากาศใช้ไฟ 1,000-2,500 วัตต์ แต่เรามักเปิดใช้เพียงบางช่วงเวลา ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศที่ใช้ไฟ 50-100 วัตต์ แต่จำเป็นต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดทำให้ค่าไฟสะสมสูงขึ้น
ผู้ใช้จึงมักหาทางเลือกที่ดีกว่า เช่น เปิดเครื่องฟอกอากาศเฉพาะบางช่วงเวลาที่มีฝุ่นมาก อย่างช่วงเช้าและเย็น สลับกับช่วงเวลาอื่นที่ใช้เครื่องฆ่าเชื้อโรค เพื่อเน้นการกำจัดเชื้อโรคแทน วิธีนี้ช่วยให้อากาศในบ้านสะอาด ปลอดภัยและมีค่าไฟที่จ่ายในแต่ละเดือนลดลง
ปัจจัยที่มีผลต่อการใช้ไฟของเครื่องฟอกอากาศ
ปริมาณไฟที่เครื่องฟอกอากาศใช้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการใช้พลังงานด้วย การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกและใช้งานเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดไฟมากขึ้น
ขนาดของเครื่องฟอกอากาศกับปริมาณไฟที่ใช้
โดยทั่วไป เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าจะใช้ไฟมากกว่าเครื่องขนาดเล็ก แต่การเลือกเครื่องที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ใช้งานจะช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น การเลือกเครื่องที่ใหญ่เกินความจำเป็นจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น ในขณะที่เครื่องที่เล็กเกินไปจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกรองอากาศในพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งอาจใช้ไฟมากขึ้นในระยะยาว
โหมดการทำงานต่างๆ ที่มีผลต่อการใช้ไฟ
เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่มีโหมดการทำงานหลายแบบ เช่น โหมดอัตโนมัติ โหมดกำจัดกลิ่น หรือโหมดประหยัดพลังงาน การใช้โหมดประหยัดพลังงานหรือโหมดอัตโนมัติที่ปรับการทำงานตามคุณภาพอากาศจะช่วยลดการใช้ไฟลงได้ เนื่องจากเครื่องจะไม่ทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา นอกจากนี้ การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศจะช่วยให้เครื่องทำงานเฉพาะเมื่อจำเป็น ทำให้ประหยัดไฟมากขึ้น
ระยะเวลาการใช้งานต่อวันและผลต่อค่าไฟ
ระยะเวลาการใช้งานเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อปริมาณไฟที่ใช้ การเปิดเครื่องฟอกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงจะใช้ไฟมากกว่าการเปิดเฉพาะเวลาที่มีคนอยู่ในห้อง อย่างไรก็ตาม หากพื้นที่ของคุณมีปัญหาเรื่องมลภาวะหรือฝุ่นละอองอยู่เป็นประจำ การเปิดเครื่องไว้ตลอดอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสุขภาพ แม้จะทำให้ค่าไฟสูงขึ้นเล็กน้อยก็ตาม
เครื่องฆ่าเชื้อโรคประหยัดไฟกว่าเครื่องฟอกอากาศ
ในขณะที่เครื่องฟอกอากาศใช้ไฟในระดับที่ยอมรับได้ แต่เครื่องฆ่าเชื้อโรคบางรุ่น เช่น Wellis Air ที่เน้นกำจัดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ ใช้ไฟน้อยกว่ามาก จากกระบวนการที่ต่างกัน จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องตนเองจากเชื้อโรคต่างๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าไฟที่สูงเกินไป
ความแตกต่างระหว่างเครื่องฟอกอากาศและเครื่องฆ่าเชื้อโรค
เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อและเครื่องฆ่าเชื้อโรคมีความแตกต่างที่สำคัญคือ เครื่องฟอกอากาศส่วนใหญ่จะกรองฝุ่นและมลพิษในอากาศผ่านไส้กรองต่างๆ ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนเป็นประจำ และทำงานโดยการดูดอากาศเข้ามากรองภายในเครื่อง ในขณะที่เครื่องฆ่าเชื้อโรคอย่าง Wellis Air ทำงานโดยการปล่อยประจุไฮดรอกซิล (Hydroxyl) ออกไปในอากาศเพื่อกำจัดเชื้อโรคและสารพิษทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ โดยไม่ต้องใช้ไส้กรอง ทำให้ใช้พลังงานน้อยกว่ามาก และเครื่องฆ่าเชื้อโรคยังสามารถป้องกันความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคต่างๆ ที่ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งแตกต่างกับเครื่องฟอกอากาศ ที่เน้นการกรองฝุ่นเพียงอย่างเดียว
เทคโนโลยีที่ใช้ในเครื่องฆ่าเชื้อโรคและปริมาณไฟฟ้าที่ใช้
เครื่องฆ่าเชื้อไวรัสอย่าง Wellis Air ใช้เทคโนโลยีประจุไฮดรอกซิลที่ทำงานแตกต่างจากเครื่องฟอกอากาศโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ผูัคนมักตั้งคำถามว่า “เครื่องฟอกอากาศเปิดตอนไหนดี” เพื่อประหยัดค่าไฟ โดยการทำงานของเครื่องฟอกอากาศต้องใช้มอเตอร์ขนาดใหญ่ในการดูดอากาศเข้ามาฟอกผ่านไส้กรอง แต่ Wellis Air ใช้เพียงพัดลมขนาดเล็กในตัวเครื่องเพื่อพ่นประจุไฮดรอกซิลออกไป ทำให้ใช้ไฟน้อยมาก เพียงประมาณ 10-20 วัตต์เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป 3-5 เท่า เมื่อเปิดใช้งาน 24 ชั่วโมงต่อวัน ความแตกต่างของค่าไฟยิ่งเห็นได้ชัด นอกจากนี้ เทคโนโลยีการพ่นประจุยังทำให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างถึง 50-100 ตารางเมตร ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเครื่องฟอกอากาศที่ครอบคลุมพื้นที่ขนาดเดียวกัน เครื่องฆ่าเชื้อโรคของ Wellis Air จะประหยัดไฟกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ค่าไฟโดยเฉลี่ยของเครื่องฆ่าเชื้อโรคในบ้านและสำนักงาน
จากข้อมูลของ Wellis Air เครื่องฆ่าเชื้อโรครุ่นนี้ใช้ไฟเพียงประมาณเดือนละ 20 บาทเท่านั้น หรือคิดเป็นชั่วโมงละประมาณ 0.8 บาท แม้จะเปิดใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งประหยัดกว่าเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อต่างๆทั่วไป ที่อาจใช้ไฟถึงเดือนละ 80-200 บาท ทำให้คำถามที่ว่า “เครื่องฆ่าเชื้อโรคกินไฟไหม” จึงไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวล เนื่องจากค่าไฟที่ประหยัดนี้ทำให้สามารถเปิดเครื่องได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น
สรุปบทความ
คำถามที่ว่า “เครื่องฟอกอากาศกินไฟไหม” หรือ “เครื่องฟอกอากาศเปลืองไฟไหม” มีคำตอบว่า โดยทั่วไปแล้วเครื่องฟอกอากาศใช้ไฟในระดับที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้าน แต่หากคุณต้องการทางเลือกที่ประหยัดไฟมากขึ้นและให้ประโยชน์ที่ครอบคลุมกว่า เครื่องฆ่าเชื้อโรคอย่าง Wellis Air อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เครื่อง Wellis Air ไม่เพียงแต่ใช้ไฟน้อยกว่ามาก (เพียงเดือนละประมาณ 20 บาทเท่านั้น) แต่ยังสามารถกำจัดเชื้อโรคได้ทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ รวมถึงไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองบ่อยๆ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว นอกจากนี้ Wellis Air ยังได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมไทย (มอก. 60335 เล่ม 2(65)-2564) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัย รวมถึงได้รับการรับรองจากหน่วยงานมาตรฐานระดับโลกอื่นๆ อีกมากมาย เช่น มาตรฐานการรับรองจากสหภาพยุโรป (CE Certificate) รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยจากสารอันตรายในเครื่องใช้ไฟฟ้า (RoHS) และมาตรฐานผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่รบกวนการสื่อสาร (FCC) นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001, ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 และระบบบริหารคุณภาพสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ISO 13485 อีกด้วย
ที่สำคัญ Wellis Air ยังมีผลการทดสอบประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ COVID-19 จาก MRI Global และการกำจัดเชื้อโรคอื่นๆ จาก University of Barcelona และ KSD พร้อมการรับรองด้านความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยแม้จะมีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน
ไม่ว่าคุณจะเลือกเครื่องฟอกอากาศห้องนอน หรือเครื่องฟอกอากาศในโรงพยาบาลการลงทุนเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีในบ้านหรือสำนักงานถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพในระยะยาว และค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่เมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ได้รับ
ติดต่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้
Line OA: @wellisthailand
Facebook: Wellis Thailand Official
Messenger: Wellis Thailand Official
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555