การป้องกันเชื้อโรคและไวรัสที่ได้ผลจริงในชีวิตประจำวัน

การป้องกันเชื้อโรค และไวรัสที่ได้ผลจริงในชีวิตประจำวัน 

การแพร่ระบาดของเชื้อโรคและไวรัสเป็นความท้าทายที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันมากขึ้น การเดินทางสะดวกขึ้น และการรวมตัวของผู้คนเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ การป้องกันเชื้อโรค จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งเพื่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่น บทความนี้จะแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงจากโรคติดเชื้อต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

ความแตกต่างของเชื้อโรคแต่ละชนิด

ก่อนที่เราจะพูดถึงวิธีการป้องกันเชื้อไวรัส เราควรทำความเข้าใจก่อนว่าเชื้อโรคมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการแพร่กระจายที่แตกต่างกัน

เชื้อไวรัส: เป็นหนึ่งในเชื้อโรคที่เล็กที่สุด ไม่สามารถเพิ่มจำนวนได้ด้วยตัวเอง แต่จะอาศัยเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่นในการเพิ่มจำนวน เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ ไวรัสตับอักเสบ ไวรัสเอดส์ และไวรัสโคโรนา เป็นต้น

แบคทีเรีย: เป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่สามารถเพิ่มจำนวนได้ด้วยตัวเอง บางชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่บางชนิดก็ก่อให้เกิดโรค เช่น วัณโรค อหิวาตกโรค และโรคอาหารเป็นพิษ

เชื้อรา: เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่พืชและไม่ใช่สัตว์ สามารถพบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม บางชนิดก่อให้เกิดโรคผิวหนัง เช่น กลาก เกลื้อน และโรคเชื้อราในช่องปาก

การเข้าใจถึงความแตกต่างของเชื้อโรคเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถเลือกวิธีการป้องกันเชื้อโรคที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทำไมเราต้องระวังการติดเชื้อไวรัสมากเป็นพิเศษ 

การป้องกันเชื้อไวรัสมีความสำคัญมากเป็นพิเศษด้วยหลายเหตุผล ประการแรก ไวรัสมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทำให้การป้องกันทำได้ยากกว่าเชื้อโรคชนิดอื่น ประการที่สอง ไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ง่ายและรวดเร็วผ่านการสัมผัส การไอ จาม หรือแม้แต่การพูดคุย นอกจากนี้ เชื้อไวรัสบางชนิดยังเป็นสาเหตุ ของโรคภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ

แบคทีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่มีโครงสร้างเซลล์แบบโพรคาริโอต (ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส) สามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็วด้วยการแบ่งตัว แบคทีเรียมีหลายรูปร่าง เช่น กลม (cocci), แท่ง (bacilli) และเกลียว (spirilli) ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) สหรัฐอเมริกา แบคทีเรียก่อโรคสำคัญ ได้แก่

  • Streptococcus pneumoniae: สาเหตุของโรคปอดบวม
  • Escherichia coli (E. coli): สาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษและติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • Mycobacterium tuberculosis: สาเหตุของวัณโรค
  • Staphylococcus aureus: สาเหตุของการติดเชื้อที่ผิวหนังและอาหารเป็นพิษ

แบคทีเรียบางชนิดยังสามารถสร้างสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และบางชนิดพัฒนาความสามารถในการต้านทานยาปฏิชีวนะ ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากขึ้น

การป้องกันเชื้อโรค พฤติกรรมพื้นฐานที่ควรทำเป็นนิสัย

การป้องกันเชื้อโรค พฤติกรรมพื้นฐานที่ควรทำเป็นนิสัย

การสร้างพฤติกรรมพื้นฐานที่ดีในชีวิตประจำวันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อโรคและไวรัส ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ควรปฏิบัติเป็นประจำ

  1. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที โดยเฉพาะหลังจากอยู่ในที่สาธารณะ หลังการใช้ห้องน้ำ ก่อนรับประทานอาหาร และหลังการไอหรือจาม ในกรณีที่ไม่มีสบู่และน้ำ ให้ใช้เจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นอย่างน้อย 70% ทดแทน
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณตา จมูก และปาก เพราะเป็นช่องทางที่เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้
  3. ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม ด้วยกระดาษทิชชูหรือข้อพับแขนด้านใน ไม่ใช้มือ และทิ้งกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วในถังขยะทันที
  4. รักษาระยะห่าง จากผู้ที่มีอาการป่วย หรือเมื่ออยู่ในที่สาธารณะที่มีคนแออัด โดยรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เมตร ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการรับเชื้อจากละอองฝอยที่เกิดจากการไอ จาม หรือพูดคุย ระยะห่างนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ
  5. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย เช่น โต๊ะ ราวบันได ลูกบิดประตู สวิตช์ไฟ โทรศัพท์ แป้นพิมพ์ และก๊อกน้ำ เป็นต้น ซึ่งเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในพื้นที่ปิด เช่น บ้าน ออฟฟิศ หรือโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงในการแพร่กระจายของเชื้อโรค

อาหาร การนอน และการเสริมภูมิคุ้มกัน

นอกจากพฤติกรรมพื้นฐานที่ดีแล้ว การดูแลสุขภาพโดยรวมก็เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อโรค ร่างกายที่แข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันที่ดีจะสามารถป้องกันและต่อสู้กับเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนเป็นพื้นฐานสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกัน เช่น

  • ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี พริกหวาน และผักใบเขียว ซึ่งสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ต่อสู้กับการติดเชื้อ และช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการหวัดได้
  • อาหารที่มีวิตามินดี เช่น ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ตับ และไข่แดง ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันและช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • อาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดี เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่ว และผลิตภัณฑ์จากถั่ว ซึ่งเป็นสารอาหารหลักในการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ รวมถึงเซลล์ภูมิคุ้มกัน การขาดโปรตีนส่งผลให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
  • อาหารที่มีสังกะสี เช่น เนื้อแดง ถั่ว และเมล็ดธัญพืช มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน การขาดสังกะสีส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอต่อการติดเชื้อ 
  • อาหารที่มีโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ต กิมจิ และผักดอง  จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เหล่านี้ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโดยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งมีผลต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การพักผ่อนที่เพียงพอ

การนอนหลับที่เพียงพอและมีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะผลิตโปรตีนที่เรียกว่าไซโตไคน์ ซึ่งจำเป็นในการต่อสู้กับการติดเชื้อและการอักเสบ

ผู้ใหญ่ควรนอนหลับประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และเด็กต้องการการนอนหลับมากกว่านั้น การนอนไม่เพียงพอหรือการนอนคุณภาพต่ำอาจทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรค

เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการนอนหลับที่เพียงพอแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ ในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น:

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายปานกลางช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดการอักเสบ
  • จัดการความเครียด ความเครียดเรื้อรังอาจทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง การทำสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมผ่อนคลายอื่นๆ สามารถช่วยลดความเครียดได้
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกายและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น
  • รับวัคซีน  กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคโดยไม่ต้องเจ็บป่วย เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อบางชนิด และควรรับวัคซีนตามคำแนะนำของแพทย์ 

นอกจากวิธีการเหล่านี้แล้ว การใช้เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของเชื้อโรค

สรุปบทความ

การป้องกันเชื้อโรคเป็นความรับผิดชอบของทุกคนในสังคม ไม่เพียงแต่เพื่อสุขภาพของตนเอง แต่ยังเพื่อสุขภาพของคนรอบข้างและชุมชนอีกด้วย การปฏิบัติตามวิธีการป้องกันพื้นฐาน เช่น การล้างมือบ่อยๆ การปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม และการรักษาระยะห่าง ร่วมกับการดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การนอนหลับที่เพียงพอ และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้การใช้ Wellis Air ซึ่งเป็นเครื่องฆ่าเชื้อในอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเชื้อโรคเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด เพราะ Wellis Air เป็นเครื่องฆ่าเชื้อโรคที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA) ว่ามีความปลอดภัยต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง รวมถึงการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. 60335 เล่ม 2(65)-2564) ของประเทศไทย สามารถใช้ได้แม้ในห้องที่มีเด็กอ่อนและผู้ป่วย และมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อไวรัสหลายชนิด รวมถึง COVID-19, RSV, Rotavirus, SARS, MERS, ไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธ์, เชื้อที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปากเปื่อย และเชื้อโรคอื่นๆ  

ติดต่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้

Line OA: @wellisthailand

Facebook: Wellis Thailand Official 

Messenger: Wellis Thailand Official 

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555

Leave a Reply

LINE

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

081-559-8555

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

Messenger

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

line