
โรคลมพิษคืออะไร สาเหตุ อาการ และแนวทางดูแลอย่างถูกวิธี
โรคลมพิษ หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Urticaria เป็นอาการผิวหนังที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ด้วยอาการคันและผื่นแดงที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ โรคลมพิษ สาเหตุ และแนวทางการดูแลที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมและการแพร่กระจายของเชื้อโรคในอากาศที่เพิ่มมากขึ้น การดูแลสุขภาพผิวหนังและการป้องกันการติดเชื้อด้วย ผ่านตัวช่วยด้วยเครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศและพื้นผิว จึงต้องดำเนินไปพร้อมกัน
RSV โรคลมพิษคืออะไร
โรคลมพิษ เป็นภาวะการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากการหลั่งสารฮิสตามีนและสารอื่นๆ ออกมาในปริมาณมาก ทำให้เกิดอาการผื่นแดงเป็นแผ่นใหญ่ พร้อมด้วยความคันรุนแรง ตามข้อมูลจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าโรคลมพิษสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ลมพิษเฉียบพลันที่มีอาการนานไม่เกิน 6 สัปดาห์ และลมพิษเรื้อรังที่มีอาการเกิน 6 สัปดาห์
กลุ่มผู้ป่วยที่มักพบโรคลมพิษบ่อยประกอบด้วย
- เด็กอายุ 2-10 ปี ถือเป็นโรคภูมิแพ้ ในเด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์
- ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์อายุ 20-40 ปี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวหลายโรค ผู้สูงอายุที่เป็นโรคผิวหนัง และผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้
นอกจากนี้ผู้ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี ฝุ่นละออง หรือเชื้อโรคต่างๆ ก็มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคลมพิษ
อาการของโรคลมพิษที่พบบ่อยประกอบด้วยผื่นแดงเป็นแผ่นโต ขนาดและรูปร่างไม่แน่นอน มีความคันรุนแรง อาจมีอาการบวมบริเวณหน้า ปาก หรือลิ้น ในบางรายอาจเกิดอาการหายใจลำบากหากมีการบวมของเส้นเสียงและหลอดลม ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาทันที
ลักษณะเฉพาะของผื่นลมพิษ
ผื่นลมพิษมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากผื่นอื่นๆ คือมีความโปร่งใสเล็กน้อย สีแดงชมพู และสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ในระยะเวลาสั้นๆ ผื่นอาจหายไปจากตำแหน่งหนึ่งแล้วเกิดขึ้นใหม่ในตำแหน่งอื่น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกังวลและไม่สบายใจ การรักษาผิวหนังที่ได้รับผลกระทบจึงต้องมีการป้องกันเชื้อโรคในอากาศด้วย เนื่องจากผิวหนังที่มีแผลหรือการอักเสบมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย

สาเหตุของโรคลมพิษที่พบบ่อย
โรคลมพิษ สาเหตุ มีความหลากหลายและซับซ้อน ตามการศึกษาของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย พบว่าสาเหตุหลักของโรคลมพิษสามารถแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มที่สำคัญ ได้แก่ ปฏิกิริยาแพ้อาหาร โดยเฉพาะกุ้ง ปู ปลา นม ไข่ และถั่ว รวมถึงสารเคมีและสารปนเปื้อนในอาหาร
การแพ้ยาเป็นอีกสาเหตุสำคัญของโรคลมพิษ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนิซิลลิน ยาแก้ปวดลดไข้ และยาแก้แพ้บางชนิด นอกจากนี้ปัจจัยทางกายภาพเช่น ความเย็น ความร้อน แสงแดด การเสียดสี และแม้กระทั่งความเครียดก็สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคลมพิษได้
ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อโรคลมพิษ
ในยุคปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะและเชื้อโรคในอากาศกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงใหม่ที่สำคัญ ฝุ่นละออง เชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศสามารถกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาแพ้และทำให้อาการลมพิษรุนแรงขึ้น การมีอากาศที่สะอาดปราศจากเชื้อโรคจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดความรุนแรงของอาการ
การติดเชื้อไวรัส ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้และทำให้เกิดลมพิษตามมาได้ ดังนั้นการป้องกันภูมิแพ้ หรือการแพร่กระจายของเชื้อโรคในสิ่งแวดล้อมจึงเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลผู้ป่วยโรคลมพิษ
วิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อเกิดลมพิษ
เมื่อเกิดอาการโรคลมพิษขึ้น การดูแลเบื้องต้นที่ถูกต้องสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ ขั้นตอนแรกคือการหลีกเลี่ยงสาเหตุที่คาดว่าอาจทำให้เกิดอาการ หากทราบว่าแพ้อาหารชนิดใดควรหยุดรับประทานทันที และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารที่อาจกระตุ้นอาการ
การประคบเย็นบริเวณที่เกิดผื่นสามารถช่วยลดอาการคันและการบวมได้ ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นประคบเบาๆ เป็นเวลา 10-15 นาที การแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หลวมและระบายอากาศได้ดี หลีกเลี่ยงผ้าที่หยาบหรือมีเส้นใยที่อาจทำให้เกิดการระคายเคือง
การดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยง
การรักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโรคลมพิษ โดยต้องให้ความสำคัญทั้งการกำจัดเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ที่ลอยอยู่ในอากาศ และเชื้อโรคที่เกาะติดอยู่บนพื้นผิวต่างๆ การใช้เครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคแบบครบวงจร อย่าง เทคโนโลยีประจุ Hydroxyl ที่สามารถกำจัดไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราได้ทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการกระตุ้นอาการลมพิษ
การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ผู้ป่วยสัมผัสเป็นประจำก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้สามารถสะสมและเกาะติดอยู่บนพื้นผิวเหล่านี้เป็นเวลานานได้ แม้จะทำความสะอาดด้วยน้ำยาทั่วไปแล้ว เชื้อโรคบางชนิดยังคงอยู่รอดและสามารถกระตุ้นอาการแพ้ได้
คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวหนัง
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำว่าการรักษาโรคลมพิษต้องมองหาสาเหตุที่แท้จริงเป็นหลัก การใช้ยาแก้แพ้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากไม่ได้ขจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ การทำแผนการรักษาที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากประวัติการแพ้ ความรุนแรงของอาการ และปัจจัยแวดล้อมของผู้ป่วย
ในกรณีที่มีอาการรุนแรง เช่น มีการบวมของใบหน้า ปาก หรือหลอดลม ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นอาการของ Anaphylaxis ซึ่งเป็นภาวะที่คุกคามชีวิต การมียาแก้แพ้ฉุกเฉินติดตัวไว้สำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรงจึงเป็นสิ่งจำเป็น
แนวทางการป้องกันระยะยาว
การป้องกันโรคลมพิษ สาเหตุในระยะยาวต้องเริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต การจดบันทึกอาหารและกิจกรรมที่ทำก่อนเกิดอาการจะช่วยระบุสาเหตุได้ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการจัดการความเครียดก็มีส่วนช่วยลดความถี่ของอาการ
การรักษาสิ่งแวดล้อมให้ปลอดเชื้อโรคเป็นอีกมิติหนึ่งของการป้องกัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อ การใช้เครื่องฟอกอากาศ ที่ประโยชน์ครบ และยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรระดับประเทศอย่างการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก. 60335 เล่ม 2(65)-2564) หรือมาตรฐานสากล อย่างองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (US FDA), มาตรฐานความปลอดภัยของสหภาพยุโรป (CE Certificate) จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้
ผลิตภัณฑ์แนะนำ
สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคลมพิษ เครื่องกำจัดเชื้อโรคและสารพิษในอากาศ Wellis Air เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยเทคโนโลยี Hydroxyl ที่ปลอดภัยต่อเด็กและผู้ใหญ่ สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องพักเครื่อง ไม่กินไฟเท่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป
ข้อดีของเครื่อง Wellis Air คือสามารถกำจัดเชื้อโรคได้ทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 50-100 ตารางเมตร รวมถึงการเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งานจริงในโรงพยาบาลและคลินิกหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ ทำให้มั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัย
สรุปบทความ
โรคลมพิษเป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอย่างมาก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคลมพิษ สาเหตุ และแนวทางการดูแลที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากการรักษาด้วยยาแล้ว การป้องกันและการดูแลสิ่งแวดล้อมให้ปลอดเชื้อโรคก็มีความสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะในยุคที่มีการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้
การดูแลแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งการรักษาทางการแพทย์และการจัดการสิ่งแวดล้อมจะช่วยให้ผู้ป่วยโรคลมพิษมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากมีอาการรุนแรงหรือไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม
ติดต่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้
Line OA: @wellisthailand
Facebook: Wellis Thailand Official
Messenger: Wellis Thailand Official
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555