โรคหลอดลมอักเสบ อาการ สาเหตุ วิธีรักษาที่ได้ผล

โรคหลอดลมอักเสบคืออะไร อาการ สาเหตุ และวิธีดูแลเพื่อบรรเทาอาการอย่างได้ผล

โรคหลอดลมอักเสบ เป็นโรคที่พบได้บ่อยในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลหรือช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย รวมถึงปัจจัยภูมิแพ้สาเหตุอื่นๆ ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ อาการของโรคหลอดลมอักเสบนั้นแตกต่างไปตามชนิดและความรุนแรงของการติดเชื้อ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้จะช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคไปยังคนรอบข้าง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เราต้องอยู่ร่วมกันในพื้นที่ปิดเป็นเวลานาน

โรคหลอดลมอักเสบคืออะไร

โรคหลอดลมอักเสบ หรือ Bronchitis เป็นภาวะที่เกิดจากการอักเสบของเยื่อบุหลอดลมในปอด ซึ่งเป็นท่อลมขนาดเล็กที่นำอากาศไปสู่ถุงลมในปอด เมื่อเกิดการอักเสบขึ้น เยื่อบุหลอดลมจะบวมและผลิตเสมหะมากขึ้น ทำให้เกิดอาการไอและหายใจลำบาก โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เป็นโรคติดเชื้อ (Acute Bronchitis) ที่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส และจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ และโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) ที่เป็นส่วนหนึ่งของโรค COPD และต้องการการรักษาแบบต่อเนื่อง

องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าโรคหลอดลมอักเสบเป็นหนึ่งในโรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ การเข้าใจลักษณะของโรคนี้จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการป้องกันและดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสม

อาการของโรคหลอดลมอักเสบที่ควรสังเกต

การสังเกตอาการของโรคหลอดลมอักเสบ อาการที่เกิดขึ้นในช่วงแรกจะช่วยให้เราสามารถจัดการกับโรคได้อย่างทันท่วงที อาการต่างๆ ของโรคนี้มักจะค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 วันแรก และจะมีความรุนแรงแตกต่างกันไปตามสาเหตุและสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน

ไอเรื้อรัง มีเสมหะ แน่นหน้าอก

อาการไอที่ติดต่อกันหลายวันเป็นสัญญาณเตือนแรกของโรคหลอดลมอักเสบ โดยในช่วงแรกอาจเป็นไอแห้งๆ แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นไอที่มีเสมหะสีขาวหรือเหลืองอ่อน เสมหะดังกล่าวเกิดจากการที่เยื่อบุหลอดลมผลิตของเหลวเพิ่มขึ้นเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ ผู้ป่วยมักรู้สึกแน่นหน้าอกและมีเสียงในอกขณะหายใจ อาการเหล่านี้มักจะรุนแรงขึ้นในตอนเช้าหลังจากตื่นนอน เพราะเสมหะจะสะสมในปอดระหว่างการนอนหลับ

การไออาจทำให้เกิดอาการปวดหน้าอกและกล้ามเนื้อซี่โครงจากการใช้แรงไอติดต่อกัน การดื่มน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาการระคายเคืองของลำคอและลดความถี่ของการไอได้

ไข้ต่ำ เหนื่อยง่าย หายใจเสียงวี้ด

ผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบมักมีไข้ต่ำประมาณ 37.5-38.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นปฏิกิริยาของร่างกายในการตอบสนองต่อการติดเชื้อ ความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานมากในการต่อสู้กับเชื้อโรค การหายใจที่มีเสียงวี้ดหรือเสียงแหลมเกิดจากการที่หลอดลมตีบแคบลงจากการบวม ทำให้อากาศไหลผ่านได้ลำบาก

อาการปวดศีรษะและปวดกล้ามเนื้อเป็นอาการเสริมที่อาจพบได้ โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยอาจรู้สึกหนาวสั่นและไม่อยากรับประทานอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในช่วงแรกของการติดเชื้อ

สัญญาณเตือนว่าควรพบแพทย์ทันที

มีสัญญาณเตือนบางประการที่บ่งบอกว่าควรพบแพทย์โดยเร่งด่วน การไอที่มีเลือดปน เสมหะสีเขียวเข้มหรือสีน้ำตาล และไข้สูงเกิน 39 องศาเซลเซียสเป็นสัญญาณที่ต้องระวัง หากผู้ป่วยมีอาการหายใจลำบากมาก หายใจเร็วผิดปกติ หรือมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคปอด เบาหวาน หรือโรคลมพิษ ควรให้ความสำคัญกับอาการเหล่านี้มากกว่าคนทั่วไป เพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดลมอักเสบ

การทำความเข้าใจสาเหตุของโรคหลอดลมอักเสบจะช่วยให้เราสามารถป้องกันการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ สาเหตุของโรคนี้มีความหลากหลายและมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นพร้อมกัน รวมถึงเชื้อโรคในอากาศที่สามารถแพร่กระจายได้ง่าย การควบคุมปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคได้อย่างมาก

การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

เชื้อไวรัสเป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน โดยเฉพาะไวรัสที่ทำให้เกิดหวัดและไข้หวัดใหญ่ เช่น Respiratory Syncytial Virus (RSV), Influenza virus, Rhinovirus และ Adenovirus เชื้อเหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านฝอยน้ำลายเวลาไอ จาม หรือการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อโรค แบคทีเรียบางชนิดเช่น Streptococcus pneumoniae และ Haemophilus influenzae ก็สามารถทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบได้เช่นกัน โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

การแพร่กระจายของเชื้อโรคมักเกิดขึ้นในสถานที่ที่มีคนหนาแน่น เช่น โรงเรียน สำนักงาน หรือขนส่งสาธารณะ ระยะฟักตัวของเชื้อโรคอยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน ซึ่งในช่วงนี้ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้แม้จะยังไม่มีอาการ

มลพิษ ฝุ่น ควันบุหรี่ และสารก่อภูมิแพ้

มลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการระคายเคือง และอักเสบของหลอดลม ฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กสามารถเข้าถึงหลอดลมส่วนลึกและทำให้เกิดการอักเสบได้ ควันบุหรี่ฃมีสารเคมีที่เป็นอันตรายมากกว่า 70 ชนิดที่สามารถทำลายเยื่อบุหลอดลม ควันจากการเผาไหม้ เช่น ควันไฟป่า ควันจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือควันจากการเผาขยะ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ

สารก่อภูมิแพ้ต่างๆ เช่น เกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์ และเชื้อรา สามารถทำให้เกิดการอักเสบของหลอดลมในผู้ที่มีความไวแพ้ การสัมผัสกับสารเคมีในที่ทำงาน เช่น แอมโมเนีย คลอรีน หรือสารเคมีทำความสะอาด ก็เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม

โรคประจำตัวหรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ

ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคหลอดลมอักเสบ โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน เป็นโรคที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่เต็มที่ ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ ทำให้ต่อสู้กับเชื้อโรคได้ไม่ดีเท่าคนหนุ่มสาว รวมถึงโรคในเด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์ และโรคผิวหนังผู้สูงอายุที่ทำให้เกิดแผลเปิดซึ่งเป็นทางเข้าของเชื้อโรค

แนวทางการรักษาและดูแลตัวเองที่บ้าน

การดูแลรักษาโรคหลอดลมอักเสบที่บ้านสามารถช่วยบรรเทาอาการและเร่งการฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเป็นโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากไวรัส ร่างกายจะสามารถรักษาตัวเองได้โดยการพักผ่อนและดูแลที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องจะช่วยลดความรุนแรงของอาการและป้องกันการแพร่เชื้อให้คนอื่น

การพักผ่อนและดื่มน้ำมากๆ

การพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาโรคหลอดลมอักเสบ ควรนอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก การดื่มน้ำอุ่นในปริมาณมาก ประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน จะช่วยเจือจางเสมหะให้ไอออกได้ง่าย น้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นและน้ำมะนาวสามารถช่วยบรรเทาการระคายเคืองของลำคอได้

การใช้ยาบรรเทาอาการหรือยาขับเสมหะ

ยาบรรเทาอาการที่สามารถซื้อได้ทั่วไปสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของ Dextromethorphan จะช่วยลดการไอ ในขณะที่ยาขับเสมหะที่มี Guaifenesin จะช่วยให้เสมหะเหลวและไอออกได้ง่าย ยาลดไข้เช่น Paracetamol หรือ Ibuprofen สามารถช่วยลดไข้และบรรเทาอาการปวดศีรษะได้

การใช้เครื่องฆ่าเชื้อโรค

การควบคุมคุณภาพอากาศในบ้านเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค การใช้เครื่องฆ่าเชื้อโรคที่มีเทคโนโลยีประจุไฮดรอกซิล (Hydroxyl) อย่าง Wellis Air ช่วยให้กำจัดไวรัสและแบคทีเรียได้ทั้งในอากาศและบนพื้นผิวต่างๆ โดยปลอดภัยต่อผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัว

เครื่องฆ่าเชื้อโรคนี้สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงแม้ขณะที่มีคนอยู่ในห้อง สำหรับการใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนจะช่วยให้ผู้ป่วยได้หลับพักผ่อนในอากาศที่สะอาด ผู้ที่สงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศกินไฟไหม ต้องบอกเลยว่าเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคนี้ใช้ไฟฟ้าเพียงเดือนละประมาณ 20 บาท ส่วนตำแหน่งการวางเครื่องฟอกอากาศนั้น ควรวางในตำแหน่งกลางห้องเพื่อให้ประจุไฮดรอกซิลกระจายได้ทั่วถึง 

การป้องกันโรคหลอดลมอักเสบในชีวิตประจำวัน

การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับโรคหลอดลมอักเสบ การปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้อย่างมาก การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคนี้

การล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรือการใช้เจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไป เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า ตา ปาก ด้วยมือที่ไม่สะอาด และการรักษาระยะห่างจากผู้ที่มีอาการป่วยจะช่วยลดโอกาสในการรับเชื้อ

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การนอนหลับให้เพียงพอ และการหลีกเลี่ยงความเครียดจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน การเลิกสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่จะลดการระคายเคืองของระบบทางเดินหายใจ

สรุปบทความ

โรคหลอดลมอักเสบ อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นสามารถจัดการได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสมและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง การทำความเข้าใจสาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยการรักษาสุขอนามัยส่วนตัว การควบคุมคุณภาพอากาศในบ้าน และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

การใช้เครื่องฆ่าเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดเชื้อโรคในอากาศจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำและปกป้องสมาชิกในครอบครัวจากการแพร่กระจายของเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ หรือโรคอื่นๆ เช่น COVID-19, RSV, Rotavirus, SARS, MERS, ไข้หวัดใหญ่ทุกสายพันธ์, โรคมือเท้าปากเปื่อย หากมีอาการรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสม

รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเลือกซื้อ Wellis Air ได้แล้ววันนี้

Line OA: @wellisthailand

Facebook: Wellis Thailand Official 

Messenger: Wellis Thailand Official 

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 081-559-8555

Leave a Reply

LINE

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

081-559-8555

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

Messenger

แชทกับผู้เชี่ยวชาญ

line